เทียบให้ชัด! เลเซอร์ยกกระชับ กับโปรแกรมฉีดโบท็อก อะไรช่วยยกกระชับได้ดีกว่ากัน?

เมื่อพูดถึงการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด สองวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เลเซอร์ยกกระชับ และ โปรแกรมฉีดโบท้อก แต่ทั้งสองวิธีนี้แตกต่างกันอย่างไร และวิธีไหนช่วยยกกระชับได้ดีกว่ากัน? วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบให้ชัดเจน พร้อมยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้น

เลเซอร์ยกกระชับคืออะไร?

เลเซอร์ยกกระชับเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงาน เช่น HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound), RF (Radio Frequency), หรือ Thermage เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อดีของเลเซอร์ยกกระชับ

  • ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล
  • ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • ผลลัพธ์ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ และดูเป็นธรรมชาติ
  • เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง

ข้อเสียและความเสี่ยงของเลเซอร์ยกกระชับ

  • อาจต้องทำซ้ำ 1-2 ครั้งต่อปีเพื่อรักษาผลลัพธ์
  • เห็นผลลัพธ์ช้ากว่า ต้องใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าจะเห็นผลเต็มที่
  • ไม่สามารถยกกระชับในระดับที่มากหรือปรับโครงหน้าได้ชัดเจนเท่าการร้อยไหม
  • อาจเกิดอาการแดง หรือผิวไวต่อแสงหลังทำ
  • หากใช้พลังงานสูงเกินไป อาจเกิดรอยไหม้หรือความร้อนสะสมใต้ผิวหนัง

โปรแกรมฉีดโบท็อกคืออะไร?

โบท็อกซ์ คือ สารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ซึ่งจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อลดเลือนลง ทำให้ริ้วรอยลดลงและผิวดูยกกระชับขึ้น

ข้อดีของโปรแกรมฉีดโบท็อก

  • ทำให้ใบหน้าดูสมส่วนและมีมิติมากขึ้น
  • เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์
  • ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า, ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง

ข้อเสียและความเสี่ยงของโปรแกรมฉีดโบท็อก

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
  • การฉีดโบท็อกซ์มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง
  • อาจมีการแพร่กระจาย ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงทั่วร่างกาย หรือหายใจลำบาก (พบได้น้อย)
  • ผลข้างเคียงทางระบบประสาท เช่น ปัญหาในการพูด หรือการกลืน
  • การใช้โบท็อกซ์ปลอมอาจเป็นอันตราย และทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง

ตารางเปรียบเทียบแบบชัด ๆ เลเซอร์ vs ร้อยไหม

หัวข้อเลเซอร์ยกกระชับโปรแกรมฉีดโบท็อก
หลักการทำงานใช้พลังงานคลื่นเสียงหรือวิทยุ กระตุ้นคอลลาเจนลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวกระชับขึ้น
ผลลัพธ์ค่อยๆ เห็นผลใน 2-3 เดือนเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์
ความเจ็บแค่รู้สึกร้อนหรือเจ็บเล็กน้อยรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีด และตึงๆผิวหลังฉีด
ระยะเวลาพักฟื้นไม่มี ต้องดูแลผิวให้ชุ่มชื้น1-2 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะหายบวม
ความเสี่ยงอาจเกิดรอยไหม้หรืออาการไวต่อแสงปวดบริเวณที่ฉีด รอยแดง บวม หรือช้ำ ปวดศีรษะ
เหมาะกับใคร?คนที่มีผิวหย่อนเล็กน้อย-ปานกลางผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า
ระยะเวลาที่อยู่ได้นาน6-12 เดือน3-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำ)
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ8,000 – 50,000 บาท/ครั้ง2,000 – 20,000 บาท/ครั้ง

ตัวอย่างสถานการณ์ที่ควรเลือกใช้วิธีใด

กรณีที่ 1: คุณแอน อายุ 45 ปี มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้มและกรอบหน้า

  • ปัญหา: ผิวหย่อนคล้อย, กรอบหน้าไม่ชัดเจน
  • วิธีที่แนะนำ: เลเซอร์ยกกระชับ
  • เหตุผล: เลเซอร์ยกกระชับจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึงและยกกระชับขึ้น ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้นและใบหน้าดูอ่อนเยาว์

กรณีที่ 2: คุณบี อายุ 35 ปี มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าบริเวณหน้าผากและรอบดวงตา

  • ปัญหา: ริ้วรอยหน้าผาก, รอยตีนกา
  • วิธีที่แนะนำ: โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์
  • เหตุผล: โบท็อกซ์จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้ริ้วรอยลดเลือนลง และใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น

กรณีที่ 3: คุณซี อายุ 50 ปี มีทั้งปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า

  • ปัญหา: ผิวหย่อนคล้อย, ริ้วรอยหน้าผาก, รอยตีนกา
  • วิธีที่แนะนำ: ทำทั้งเลเซอร์ยกกระชับและโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ร่วมกัน
  • เหตุผล: เลเซอร์ยกกระชับจะช่วยยกกระชับผิวและปรับรูปหน้า ส่วนโบท็อกซ์จะช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

กรณีที่ 4: คุณดี อายุ 28 ปี มีปัญหากรามใหญ่ ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง

  • ปัญหา: กรามใหญ่, ต้องการหน้าเรียว
  • วิธีที่แนะนำ: โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์
  • เหตุผล: โบท็อกซ์สามารถลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงได้

กรณีที่ 5: คุณอี อายุ 32 ปี มีปัญหาเหงื่อออกมากบริเวณรักแร้

  • ปัญหา: เหงื่อออกมากบริเวณรักแร้
  • วิธีที่แนะนำ: โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์
  • เหตุผล: โบท็อกซ์สามารถช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง

ข้อควรจำ

  • การตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมควรอยู่ภายใต้การพิจารณาและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • แต่ละบุคคลมีสภาพผิวและความต้องการที่แตกต่างกัน การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้ได้แผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

สรุปเลยก็คือ เลเซอร์ยกกระชับ เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องการรอยแผลหรืออาการบวม เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลทันที และต้องการยกกระชับผิวอย่างชัดเจนในระดับปานกลางถึงมาก

หากต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ อาจเลือกใช้ ทั้งสองวิธีร่วมกัน โดยทำเลเซอร์ยกกระชับเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน และใช้ร้อยไหมเพื่อเสริมการยกกระชับให้เห็นผลมากขึ้น ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณที่สุด

ติดต่อสอบถาม ขอคำปรึกษาแพทย์ ติดต่อจองคิวแพทย์ที่นี่

LINE Official

PSC9564

เบอร์โทรศัพท์

063-929-3651 (สายด่วน)

Facebook Inbox

Phuket Skin Center

Scroll to Top