รู้ทัน “อาการดื้อยา” ฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดริ้วรอย แล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไร และมีวิธีป้องกันยังไง?

การดูแลตัวเองด้วยการทำหัตถการลดเลือนริ้วรอย เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะช่วยคืนความสดใสและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่มีปัญหาหนึ่งที่หลายคนอาจกำลังเผชิญ หรือเคยได้ยินมาบ้าง นั่นคือ “ภาวะดื้อโบทูลินัม ท็อกซิน” หรืออาการที่ฉีดแล้วไม่เห็นผลเหมือนเดิม ฉีดแล้วอยู่ได้ไม่นาน หรือต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเรื่อยๆ

วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุที่แท้จริงของอาการดื้อยา พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไข เพื่อให้คุณวางแผนการดูแลผิวหน้าได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในระยะยาว

ภาวะดื้อโบทูลินัม ท็อกซิน คืออะไร?

อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ ภาวะที่ร่างกายของเราสร้าง “ภูมิต้านทาน” (Antibody) ขึ้นมาต่อต้านสารโบทูลินัม ท็อกซิน ที่ฉีดเข้าไป ทำให้ตัวยาไม่สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเคย

โดยปกติแล้ว ร่างกายจะมีกลไกป้องกันสิ่งแปลกปลอม เมื่อเราฉีดสารที่มีองค์ประกอบของโปรตีนเข้าไป ร่างกายอาจจดจำว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาทำลายฤทธิ์ของยา ซึ่งหากเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้การรักษาในครั้งต่อๆ ไปได้ผลน้อยลง หรือไม่ได้ผลเลย

สัญญาณเตือน! อาการแบบไหนเรียกว่าเริ่ม “ดื้อยา”

ลองสังเกตตัวเองดูนะว่า การเข้ารับบริการครั้งล่าสุดของคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่

  • ระยะเวลาออกฤทธิ์สั้นลง จากเดิมที่เคยอยู่ได้นาน 4-6 เดือน กลับลดลงเหลือเพียง 1-2 เดือน ริ้วรอยก็เริ่มกลับมา
  • ต้องใช้ปริมาณยาเพิ่มขึ้น ต้องใช้ยูนิตที่มากกว่าเดิมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เท่าเดิม

ไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลง ฉีดไปแล้วผ่านไป 2-3 สัปดาห์ ริ้วรอยยังคงอยู่ กล้ามเนื้อกรามยังไม่เล็กลง หรือหน้าไม่ตึงกระชับเหมือนที่เคยทำ

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด “อาการดื้อยา”

เพื่อให้เรารู้ทันและป้องกันได้ เราต้องรู้ก่อนว่าปัจจัยเสี่ยงมีอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากพฤติกรรมการรักษาที่ไม่เหมาะสม ดังนี้

1. การใช้ยาที่ไม่ได้มาตรฐาน (ยาปลอม/ยาหิ้ว)

นี่คือสาเหตุอันดับหนึ่งของการดื้อยา ยาที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือยาปลอม มักจะมีกระบวนการผลิตที่ไม่บริสุทธิ์ มีโปรตีนแปลกปลอม (Protein Load) ปะปนอยู่สูงมาก ซึ่งโปรตีนเหล่านี้แหละที่เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาต่อต้านอย่างรวดเร็ว

2. การฉีดบ่อยครั้งเกินไป (Frequent Injections)

บางคนใจร้อน อยากสวยตลอดเวลา พอเริ่มรู้สึกว่ายาเริ่มคลายฤทธิ์นิดหน่อยก็รีบไปเติมทันที หรือมีการ “เติมยา” บ่อยเกินความจำเป็น การกระตุ้นซ้ำๆ ในระยะเวลาสั้นๆ (น้อยกว่า 3 เดือน) จะเร่งให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้ง่ายขึ้น

3. ปริมาณยามากเกินความจำเป็น (High Dosage)

การอัดฉีดตัวยาในปริมาณที่มากเกินไปในครั้งเดียว (Overdose) นอกจากจะเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น หน้าแข็งตึงดูไม่เป็นธรรมชาติแล้ว ยังกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดยา ส่งผลให้เกิดการดื้อยาในระยะยาว

วิธีป้องกันและรับมือกับภาวะดื้อยา

หากคุณกังวลเรื่องนี้ หรือกำลังมองหา โปรแกรมฉีดโบท็อก ภูเก็ต ที่ทำแล้วอุ่นใจ ทาง Phuket Skin Center มีคำแนะนำดังนี้

1. เว้นระยะการฉีดให้เหมาะสม

ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฉีดซ้ำคือ ทุก 4-6 เดือน ไม่ควรฉีดถี่กว่า 3 เดือน เพื่อให้ร่างกายได้พักและไม่ถูกกระตุ้นภูมิคุ้มกันบ่อยจนเกินไป

2. เลือกใช้ยาที่ตรวจสอบแหล่งที่มาได้

ควรเลือกใช้โบทูลินัม ท็อกซิน ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย (Thai FDA) เพื่อลดโอกาสการดื้อยา ที่สำคัญ “ต้องใช้บริการคลินิกที่ ได้รับการรับรองจากแพทยสภา” เพื่อความมั่นใจว่าเป็นยาแท้

3. ปรึกษาแพทย์เท่านั้น

แพทย์จะสามารถประเมินปริมาณยาที่เหมาะสมกับกล้ามเนื้อของคนไข้แต่ละคนได้แม่นยำ ไม่ฉีดมากเกินไป และวางแผนการรักษาในระยะยาวได้อย่างถูกต้อง

การทำสวยต้องมาคู่กับความปลอดภัย หากคุณสนใจ โปรแกรมฉีดโบท็อก ภูเก็ต และต้องการคำปรึกษาเรื่องการปรับรูปหน้าโดยลดโอกาสเสี่ยงต่ออาการดื้อยาในอนาคต สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่คลินิกได้เลย เราพร้อมดูแลและให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้คุณดูดีขึ้นในแบบของตัวเอง

Scroll to Top